เชื้อราที่เล็บ สาเหตุเกิดจากการติดเชื้อราของเล็บ โดยมีเชื้อราหลายสายพันธ์ที่เป็นสาเหตุของโรค เช่น กลุ่มกลาก ( Dermatophyte) กลุ่มกลากเทียม (Non- Dermatophyte) กลุ่มยีสต์ /Yeast (Candida spicies) ซึ่งแต่ละสายพันธ์เหล่านี้จะมีความแตกต่างในการรักษาและผลในการรักษา
ปัจจัยเสี่ยงเกิดเชื้อราที่เล็บ ได้แก่
1. มีโรคเรื้อรังอื่นๆ บางโรคร่วมด้วยเช่น โรคเบาหวาน , สะเก็ดเงิน
2. มีความบกพร่องทางภูมิคุ้มกัน
3.มีการบาดเจ็บริเวณเล็บบ่อยๆ หรือมีการทำลายของผิวหนังบริเวณขอบเล็บซึ่งเป็นส่วนที่ป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่เล็บ เช่นการใส่รองเท้าที่รัดแน่นไป, การล้างมือบ่อยๆ, การที่เล็บโดนสารระคายเคืองต่างๆ เช่น สารเคมีต่างๆ, การทำเล็บ
4. การมีสุขอนามัยที่ไม่ดี ไม่รักษาความสะอาดของร่างกายและเล็บ
คำแนะนำ การรักษา
- แนะนำให้เข้ามาพบแพทย์ เพื่อส่งตรวจเชื้อทางห้องปฏิบัติการ เพื่อการรักษาและทานยาที่เหมาะสม
แนวทางการรักษา
การใช้ยาต้านเชื้อราซึ่งโดยทั่วไปจะใช้เป็นยารับประทาน (เช่น ยา Itraconazole, Griseofulvin)
การรักษาเชื้อราที่เล็บจำเป็นต้องรับประทานยาต้านเชื้อราเป็นเวลานาน โดยทั่วไปประมาณ 3-6 เดือน
การดูแลตนเอง
1.ตัดเล็บให้สั้น แยกที่ตัดเล็บเฉพาะตัดเล็บที่ติดเชื้อเพื่อป้องกันการติดเชื้อไปที่เล็บอื่น
2.อย่าใช้ถุงเท้า รองเท้าร่วมกับผู้อื่น และควรทำความสะอาดถุงเท้ารองเท้าให้สม่ำเสมอ
3.ไม่ควรเดินเท้าเปล่าที่ห้องน้ำสาธารณะ สระว่ายน้ำ ควรหารองเท้าเฉพาะเพื่อใส่ในบริเวณนั้นๆ
4.อาจเปลี่ยนรองเท้าเดิมที่ใส่เพราะอาจเป็นแหล่งที่ทำให้เกิดการติดเชื้อราที่เล็บซ้ำได้
5. หากมีการติดเชื้อราที่ผิวหนัง ควรรีบรักษาเพื่อป้องกันการติดเชื้อไปที่เล็บ
6.หลีกเลี่ยงการบาดเจ็บระคายเคืองบริเวณเล็บเข่น หลีกเลี่ยงสารระคายเคือง และสารเคมีต่างๆ